วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

การเรียนรู้ (Learning)


 การเรียนรู้ (Learning)

นักการศึกษาได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ ไว้ดังนี้

สุรางค์  โค้วตระกุล (2550:186)ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ว่า  หมายถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์  ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือจากการฝึกหัด  รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงความรู้ของผู้เรียน
สุรางค์  โค้วตระกุล (2550:186)ได้ให้ความหมายของการเรียนรู้ว่า  หมายถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์  ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือจากการฝึกหัด  รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงความรู้ของผู้เรียน
สิริอร  วิชชาวุธ (2554:2)  ได้กล่าวว่าการเรียนรู้มีองค์ประกอบ 3 อย่างคือ

1.        มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจากไม่รู้ เป็นรู้  ทำไม่ได้ เป็นได้  ไม่เคยทำ เป็นทำ

2.      การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นเป็นไปอย่างถาวร

3.      การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น  เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด
จะเห็นได้ว่าการเรียนรู้นั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างถาวรของ บุคคล  อันเป็นผลมาจากประสบการณ์ในอดีต  ทั้งจากการฝึกฝน  การปฏิสัมพันธ์กับประสบการณ์รอบตัวและมีปริมาณองค์ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น

แนวคิดตามทฤษฎีการเรียนรู้ของ เบญจมิน บลูม (Bloom Taxonomy)
อติญาน์ ศรเกษตริน (2543 : 72-74 อ้างในบุญชม ศรีสะอาด 2537 :Bloom : 18)ได้กล่าวว่า จุดประสงค์สำคัญของการเรียนการสอน คือการให้บุคคลเปลี่ยนแปลงไปในทางที่พึงประสงค์พฤติกรรมเหล่านี้จำแนกและจัด ลำดับหมวดหมู่และระดับความยากง่าย หมวดหมูเหล่านี้เรียกว่าจุดมุ่งหมายของการศึกษาของ บลูม (Taxonomy of Educational objective) : ซึ่ง Benjamin Bloom (Bloom.1976) ได้แบ่งเป็น 3 หมวดดังนี้

1.        พฤติกรรมด้านพุทธพิสัย (Cognitive Domain) เป็นความสามารถทางด้านสติปัญญาแบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 6 ระดับ ดังนี้

o    ความสามารถในการจดจำความรู้ต่างๆที่ได้เรียนรู้มา ( Knowledge)

o    ความสามารถในการแปลความ ขยายความ ในสิ่งที่ได้เรียนรู้มา  (Comprehensive)

o    ความสามารถในการสิ่งที่เรียนรู้มาให้เกิดประโยชน์ ( Application)

o    ความสามารถในการแยกแยะความรู้ออกเป็นส่วนๆและทำความเข้าใจในแต่ละส่วนว่าสัมพันธ์
หรือต่างกันอย่างไร ( Analysis)

o    ความสามารถในการรวบรวมความรู้ต่างๆหรือประสบการณ์ต่างๆให้เกิดเป็นสิ่งใหม่(Synthesis)

o    ความสามารถในการตัดสินคุณค่าของความรู้อย่างเป็นเหตุเป็นผล (Evaluation)


ต่อมา Anderson and Krathwont (2001) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกศิษย์ของ Bloom  ได้ปรับปรุง พัฒนาให้เหมาะสม  โดยเปลี่ยนแปลงขั้นตอนพฤติกรรมพุทธพิสัยดังนี้

o    ขั้นความรู้ความจำ  เปลี่ยนเป็น จำ

o    ขั้นความเข้าใจ เปลี่ยนเป็น  เข้าใจ

o    ขั้นการนำไปใช้ เปลี่ยนเป็น ประยุกต์

o    ขั้นการวิเคราะห์ เปลี่ยนเป็น วิเคราะห์

o    ขั้นการสังเคราะห์ เปลี่ยนเป็น ประเมินค่า

o    ขั้นการประเมินค่า เปลี่ยนเป็น ริเริ่มสร้างสรรค์

2.      พฤติกรรมด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความรู้สึกนึกคิดในจิตใจ ความเชื่อ ความซาบซึ้ง ประกอบด้วยพฤติกรรม 5 ระดับ ดังนี้

o    ความตั้งใจ สนใจในสิ่งเร้า หรือ รับรู้ (Receive)

o    การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกิดขึ้นหรือตอบสนองสิ่งเร้า (Respond)

o    ความรู้สึกซาบซึ้งยินดี มีเจตคติที่ดี หรือค่านิยม  (Value)

o    เห็นความแตกต่างในคุณค่า  แก้ไขข้อบกพร่อง/ขัดแย้ง  สร้างปรัชญา/เป้าหมายให้แก่ตนเอง  หรือการจัดระบบ  (Organize)

o    ทำให้เกิดเป็นคุณลักษณะหนึ่งของชีวิตตนเองหรือ บุคลิกภาพ (Characterize)

3.      พฤติกรรมด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) เป็นความสามารถในการปฏิบัติ ประกอบด้วยพฤติกรรม 5 ระดับดังนี้

o    ความสามารถในการสังเกตและรับรู้ขั้นตอนการปฏิบัติ  หรือขั้นรับรู้ (Imitation)

o    ความสามารถในการทำตามขั้นตอนหรือรูปแบบ  ที่ได้รับการแนะนำ (Manipulation)

o    ความสามารถในการทำงานด้วยตนเอง  โดยไม่ต้องมีผู้ชี้แนะและพัฒนาการทำงานด้วยตนเองให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (Precision)

o    ความสามารถในการเลือกรูปแบบที่ตนเองพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ  และฝึกฝนจนเกิดความคล่องแคล่วเป็นอัตโนมัติชัดเจนต่อเนื่องจน ชำนาญการ (Articulation)

o    ความสามารถที่เกิดจากการฝึกฝนจนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญในงานนั้นเป็นการเฉพาะและเป็นธรรมชาติ ขั้น เชี่ยวชาญ (Naturalization)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับฉัน

บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา การจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิจิตรา ธงพานิช ผู้จัดทำ นางสาวขน...