หลักการบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
เรื่อง หลักการบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
1.การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์โดยใช้ทฤษฎีลำดับความต้องการ ของอับราฮัม
มาสโลว์ (Abraham Maslow) เป็นการบริหารที่มีเป้าหมายชัดเจนด้วยการเข้าถึงควรต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
ไม่ว่าจะเป็นผู้เรียน ครู ผู้ปกครอง ชุมชน ล้วนแล้วแต่มีความคาดหวังต่อการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
ซึ่งเป็นลำดับความต้องการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้บริหารสถานต้องเข้าใจทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการเป็นอย่างดี
โดยสมติฐานพฤติกรรมของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานศึกษาไว้ 3 ประการ ได้แก่
ประการที่ 1
คนมีความต้องการ ไม่มีที่สิ้นสุด
ประการที่ 2
ความต้องการของคนจะถูกเรียงลำดับความสำคัญ
ประการที่ 3
คนที่จะก้าวไปสู่ความต้องการระดับต่อไป
เมื่อความต้องการในระดับต่ำลงมาได้รับการตอบสนองอย่างดีแล้วเท่านั้น
อับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow)
ได้แบ่งลำดับความต้องการของมนุษย์ไว้
5 ลำดับ ดังนี้
ลำดับที่่ 1 ความต้องการทางกาย
ลำดับที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย
ลำดับที่ 3 ความต้องการการยอมรับในสังคม
ลำดับที่ 4 ความต้องการมีเกียรติยศชื่อเสียง
ลำดับที่ 5 ความต้องการความสำเร็จในชีวิต
การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์โดยใช้ทฤษฎีลำดับความต้องการนั้นต้องมีการตอบสนองให้คนได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ
โดยผู้บริหารต้องมีกุศโลบายที่แนบเนียนและแยบยลพอสมควรที่จะทำให้คนได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มศักยาภาพ
เพื่อให้สถานศึกษามีผลสัมฤทธิ์ที่ดี่เยี่ยม
ซึ่งมีแนวทางการดำเนินการประยุกต์ใช้ดังนี้
1.1
มุ่งผลสัมฤทธิ์จากการตอบสนองความต้องการทางกาย
การสนองตอบความต้องการทางกายนั้น
ซึ่งจะดำเนินการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพภายในสถานศึกษาให้น่าอยู่
สร้างบรรยาศที่เป็นแหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา ปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น
สร้างสวนย่อมในที่ที่เหมาะสม ทำสนามฟุตบอลให้น่าเล่น
พัฒนาสถานที่พักผ่อนให้ผู้เรียนและครูได้มีโอกาสได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมจากในห้องเรียน
จัดสถานที่รับประทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาดถูกสุขอนามัย
จัดห้องพักครูที่มีมุมคลายเครียด มีน้ำดื่ม น้ำชา กาแฟ
ไว้บริการสำหรับครูและผู้มาติดต่อราชการอย่างเพียงพอ
จัดมุมความรู้ทุกที่ในโรงเรียนส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของผู้เรียนและครู
ปรับปรุงห้องน้ำของผู้เรียนและครูให้เพียงพอ สะอาดถูกสุขลักษณะ
จัดให้มีห้องพยาบาลสำหรับผู้เรียนและครู
จัดให้มีสื่อและเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับการเรียนรู้โลกไร้พรมแดนที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้เรียน
ครู และผู้มาใช้บริการอย่างเพียงพอ
1.2
มุ่งผลสัมฤทธิ์จากการตอบสนองความต้องการความปลอดภัย
สิ่งสำคัญที่จะให้สถานศึกษาน่าอยู่คือการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสถานที่ให้มั่นคงแข็งแรงปลอดภัยอยู่เสมอ
ปรับปรุงภูมิทัศน์ ตรวจสอบสายไฟฟ้าภายในสถานศึกษา จัดให้มีถึงดับเพลิงไว้หลายๆ จุด
พร้อมทั้งตรวจสภาพถังดับเพลิงให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา
จัดให้มีที่จอดรถสำหรับครู และนักเรียน ตลอดจนผู้ที่มาติดต่อราชการ
ปรับปรุงบ้านพักครูให้น่าอยู่และปลอดภัย
จัดให้มียามรักษาการณ์ภายสถานศึกษาทั้งเวลากลางวันและกลางคืน
ติดต้องวงจรปิดภายในสถานศึกษาเพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น สร้างรั้วรอบโรงเรียน
ติดไฟส่องสว่างในเวลากลางคืนให้คุ้มค่าและปลอดภัย
มีการทำประกันภัยหมู่สำหรับผู้เรียน และครูทุกคน
จัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับครูและนักเรียน
1.3
มุ่งผลสัมฤทธิ์จากการตอบสนองความต้องการการยอมรับในสังคม จัดให้มีกิจกรรมสานสัมพันธ์ของคณะครู
ผู้บริหาร นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน เช่น กิจกรรมกีฬาสีสัมพันธ์
ร่วมกิจกรรมทางศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของท้องถิ่น เป็นต้น
ส่งเสริมให้ครูได้ถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชน หรือต่างหน่วยงาน โดยการเป็นวิทยากร
ส่งเสริมสนับสนุนผู้เรียนให้เข้าร่วมแข่งขันทักษะความสามารถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ทักษะทางวิชาการ กีฬา ดนตรี หรือความสามารถพิเศษอื่นใดในระดับโรงเรียน
ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ
อีกทั้งสร้างวัฒนธรรมการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสถานศึกษา เช่น
การเยี่ยมบ้านผู้เรียน การเยี่ยมเยียนเมื่อเจ็บป่วย
การเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ เป็นต้น สร้างวัฒนธรรมการมีสัมมาคารวะ กาลเทศะ
1.4
มุ่งผลสัมฤทธิ์จากการตอบสนองความต้องการมีเกียรติยศชื่อเสียง
ส่งเสริมให้ครูได้เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ความสามารถของตนเอง
ส่งเสริมสนับสนุนผู้เรียนให้เข้าร่วมแข่งขันทักษะความสามารถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ทักษะทางวิชาการ กีฬา ดนตรี หรือความสามารถพิเศษอื่นใดในระดับโรงเรียน
ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ
พร้อมทั้งมีเวทีสำหรับการยกย่องชมเชยความดีงานของครูและผู้เรียนที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในเกณฑ์ดีเยี่ยม
ส่งเสริมให้ครูขอและมีวิทยฐานะที่สูงขึ้น
พิจารณาความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษสำหรับครูผู้มีผลงานที่สร้างเกียรติชื่อเสียงให้กับโรงเรียนและครูผู้เสียสละทุ่มเทประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเพื่อนครูและผู้เรียน
1.5 มุ่งผลสัมฤทธิ์จากการตอบสนองความต้องการความสำเร็จในชีวิต
ส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนต่อระดับที่สูงขึ้นให้ครบทุกคน
ส่งเสริมให้ครูขอและมีวิทยฐานะที่สูงขึ้น
สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่น่าอยู่อย่างมีความสุข
มีการให้ความรู้สำหรับครูก่อนวัยเกษียณ มีการแนะแนวทางการศึกษาต่อสำหรับผู้เรียน
มีทุนการศึกษาให้ผู้เรียนที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมและมีความประพฤติดี
เมื่อสนองความต้องการให้กับคนได้อย่างครบถ้วนแล้วพวกเขาก็จะดึงศักยภาพของตนเองออกมาแสดงอย่างเต็มที่
การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์นั้นก็จะเป็นมรรคเป็นผลอย่างแท้จริงและยั่งยืนสืบไปอย่างแน่นอน
แต่ผู้บริหารอย่าลืมไปว่า “ความต้องการของคนไม่มีที่สิ้นสุด”
2.
การบริหารที่ยืดหยุ่นโดยใช้ทฤษฎีใบพัดองค์การ (POCCC)
ของอองรี
ฟาร์โยล์ (Henri Fayol) ซึ่งเป็นการบริหารจัดการสถานศึกษาที่ยืดหยุ่น
ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีแนวทางการดำเนินการประยุกต์ใช้ทฤษฎีดังนี้
2.1 ประสิทธิภาพจากการวางแผน (P-Planning) ผู้บริหารจะต้องมีการวางแผนที่ดีด้วยแผนกลยุทธ์
นโยบาย แผนงาน โครงการ ที่ชัดเจนเข้าใจง่าย
โดยการวางแผนนั้นต้องมีแนวปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แผนพัฒนาการศึกษา
และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย
ซึ่งจะเป็นแนวทางในการวางแผนกลยุทธ์ของสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี
พร้อมทั้งต้องสามารถปรับปรุงยืดหยุ่นให้สอดรับกับนโยบายของรัฐและต้นสังกัด
ทันกับสถานการณ์ของโลกปัจจุบันให้เป็นวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ ของสถานศึกษา
2.2 ประสิทธิภาพจากการจัดองค์กร (O-Organizing) การจัดองค์กรถือเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิ่งใดเลย
ผู้บริหารต้องมีการจัดโครงสร้างของสถานศกึษาอย่างชัดเจน ตามสายงาน
จัดบุคคลากรตามสายบังคับบัญชา พร้อมทั้งแบ่งหน้าที่ของฝ่ายงานอย่างถูกต้อง เป็นระบบงาน
อันได้แก่ งานบริหารวิชาการ งานบริหารงบประมาณ งานบริหารบุคคล และงานบริหารทั่วไป
และแต่ละฝ่ายงานต้องมีทีมงานในการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเอาไว้
2.3 ประสิทธิภาพจากการบังคับบัญชา (C-Commanding) หลังจากการจัดองค์กรแล้วผู้บริหารก็ต้องมีการบังคับบัญชาตามตำแหน่งหน้าที่ได้รับมอบหมาย
มีการตัดสินใจสั่งการที่เป็นกัลยาณมิตร
ผู้บริหารต้องมีการสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้ง
เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบังคับบัญชาดูแลตรวจสอบและติดตามการสั่งการในแต่ละงาน
2.4 ประสิทธิภาพจากการประสานงาน (C-Coordinating) ผู้บริหารจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือการประสานงานทั้งภายในองค์กรและระหว่างองค์กร
ดังนั้นผู้บริหารต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสื่อสารเพื่อประสานงานต่างๆ
ด้วยความนุ่มนวล แนบเนียน หนักแน่น และแน่นอน
ให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานศึกษา
ทั้งรูปแบบของคณะกรรมการสถานศึกษา และสมาคมผู้ปกครองและครู
2.5 ประสิทธิภาพจากการควบคุม (C-Controlling) การบริหารสถานศึกษานั้น
ผู้บริหารสถานศึกษาต้องจำเป็นต้องมีการควบคุม ดูแล
ทรัพยากรทางการศึกษาที่มีอยู่อย่างจำกัดให้คุ้มค่า อันได้แก่ บุคลากร งบประมาณ
เครื่องมือ การจัดการ เวลา และเทคโนโลยี
ซึ่งต้องมีควบคุมติดตามทุกฝ่ายงานด้วยวงจรคุณภาพ (PDCA)
เพื่อให้การจัดการศึกษามีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียง
การบริหารจัดการสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพด้วยทฤษฎีใบพัดองค์การ (POCCC) นั้นสามารถใช้ได้ทุกยุกต์ทุกสมัย
และเหมาะกับการบริหารการศึกษาที่ต้องคำนึงถึงคุณภาพของผลผลิต นั่นคือ
ผู้เรียนเป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป
3.การบริหารให้เกิดประสิทธิผลเชิงวิทยาศาสตร์ ของเฟรเดอริค เทเลอ (Frederick W. Taylor) เป็นการบริหารแนวใหม่ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการที่ส่งเสริมวัฒนธรรมและค่านิยมขององค์กรซึ่งได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย
ซึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั้นจะมีทั้งเหตุและผลมาอธิบายสมมติฐานที่วางเอาไว้อย่างชัดเจน
ซึ่งมีแนวทางการดำเนินการประยุกต์ใช้ทฤษฎีดังนี้
3.1
ประสิทธิผลจากการพัฒนาการวิเคราะห์งานเชิงวิทยาศาสตร์
จะต้องวางแผนกลยุทธ์สถานศึกษาตามนโยบายที่รัฐกำหนดให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
เพื่อจัดการศึกษาให้เกิดประสิทธิผลจากการพัฒนาการวิเคราะห์งานเชิงวิทยาศาสตร์
โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบของแต่ละงานใน 4 งาน โดยการทำ SWOT Analysis อันได้แก่ งานบริหารวิชาการ งานบริหารงบประมาณ
งานบริหารบุคคล และงานบริหารทั่วไปว่าแต่ละงานต้องมีขอบเขตงานอย่างไร
มีโครงสร้างอย่างไร มีวิธีการดำเนินการอย่างไร และผลผลิตเป็นอย่างไร
ต้องกำหนดให้ชัดเจนเป็นกลยุทธ์ แผนงาน โครงการ
ที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงผู้เรียนเป็นสำคัญ
3.2 ประสิทธิผลจากการคัดเลือก การฝึกอบรม
และการพัฒนาครูในเชิงวิทยาศาสตร์
จะต้องคัดเลือกให้ครูได้ปฏิบัติหน้าที่ตามความสมัครใจและความสามารถของตนเองอย่างเต็มศักยภาพ
พัฒนาครูให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนอย่างเต็มที่ด้วยการศึกษาต่อในระดับที่สูงขั้นหรือการฝึกอบรมความรู้และทักษะที่สามารถเพิ่มพูนศักยภาพของครูให้สูงขึ้น
ให้ครูสามารถพัฒนาตนเองเพื่อเปลี่ยตำแหน่งงานของตนส่งเสริมให้ครูได้ถ่ายทอดวิทยาการภายในสถานศึกษาและภายนอก
พร้อมทั้งสนับสนุนให้ครูมีวิทยฐานะที่สูงขึ้น
ให้ครูได้แสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพที่สูงขึ้นตามไปด้วยจึงถือได้ว่าการบริหารสถานศึกษาเกิดประสิทธิผล
3.3
ประสิทธิผลจากความร่วมมือที่ใกล้ชิดของครูและผู้บริหาร
จะต้องบริหารจัดการสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิผลจากความร่วมมือแบบกัลยาณมิตรด้วยการทำงานเป็นทีม
สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ต้องใช้มนุษยสัมพันธ์ในการทำงาน
ครูทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานศึกษาแบบบูรณาการ
แบ่งเค้กตามสัดส่วนของคนด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างยุติธรรมปราศจากอคติ
3.4
ประสิทธิผลจากการแจกแจงงานและความรับผิดชอบที่เป็นรูปแบบเดียวกัน
จะต้องจัดทำโครงสร้างฝ่ายงานที่ชัดเจน
มีขอบเขตภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจนและเหมาะกับตนเองมากที่สุดทั้ง 4 งาน
อันได้แก่ งานบริหารวิชาการ งานบริหารงบประมาณ งานบริหารบุคคล และงานบริหารทั่วไป
ให้เป็นรูปแบบการสั่งการเดียวกันและเท่าเทียมกันตามภารกิจของแต่ละฝ่ายงาน
พร้อมทั้งจัดคนเข้าทำงานในแต่ละตำแหน่งอย่างเหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบุคคล
และจะไม่ใช่อำนาจโดยพลการต้องผ่านมติของที่ประชุมทุกครั้งไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น